วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พยาธิ เรื่องเชยๆ ในวันวาน ก่อเป็นมะเร็งร้ายในวันนี้


ย้อนหลังไปเมื่อ 30 ปีก่อนคนไทยยังไม่มีส้วมซึมใช้กันเกือบทุกครัวเรือน ครั้งนั้นภาครัฐรณรงค์ให้ประชาชนหันมาสร้างส้วมเพื่อสุขอนามัย บริโภคอาหารสุกทุกครั้ง เหล่านี้เป็นปราการอย่างดีชั้นหนึ่งที่ป้อง กันพยาธิเข้าสู่ร่างกาย จนมาถึงยุคปัจจุบันคนไทยมีสุขอนามัยที่ดีขึ้น พยาธิอาจถูกมองเป็นเรื่องเฉิ่มเชย และน่าอายไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าบาง พยาธิ สิ่งมีชีวิตประเภท ปรสิตนี้ เมื่อแฝงเร้นอยู่ในร่างกายนั้นหมายถึงชีวิตกำลังถูกคุกคามด้วยโรคภัย พยาธิก่อโรคในคนจำแนกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ได้แก่ พยาธิตัวกลม (Nematodes) ลักษณะมีรูปร่างทรงกระบอก ห้วท้ายเรียวแหลม อาทิ พยาธิเส้นด้าย หรือเข็มหมุด (มีไข่พยาธิระยะติดต่อติดอยู่ที่ มือ และไข่พยาธิอาจหลุดมาติด ที่เสื้อผ้า และเครื่องใช้ต่าง ๆ และเข้าสู่ปากคน เกิดความรำคาญขณะที่ พยาธิออกมาวางไข่ ที่ปากทวารหนัก ตัวพยาธิอาจเข้าทางช่องคลอด ทำให้ปากมดลูกอักเสบ)
พยาธิตัวจี๊ด (อาจจะเกิดหลังจากได้รับเชื้อไปแล้ว 24 ชั่วโมง อาการแรกจะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ คลื่นไส้ สาเหตุอาจเกิดจากรับประทานอาหารดิบ ๆ หรือดิบ ๆ สุก ๆ โดยเฉพาะปลาน้ำจืด เช่น ส้มฟัก กบยำ ปลาดุกย่างไม่สุก) พยาธิไส้เดือน (มักจะเกิดกับ เด็กนำเอามือที่ปนเปื้อนดิน และมีไข่พยาธิเข้าปาก อาจจะ ทำให้เกิดไข้ ไอ หายใจแน่น หอบ เหนื่อย เสมหะอาจจะมีเลือดปน บางคนอาจจะเกิดลมพิษ อาการเหล่านี้มักจะเกิดภายหลังจากได้รับไข่พยาธิ 4-16 วัน)
พยาธิตัวตืด หรือพยาธิ ตัวแบน (Cestodes) ลักษณะลำตัวจะแบน แบ่งเป็นปล้อง ๆ ชนิดที่พบในประเทศไทย คือพยาธิตืดหมู พยาธิตืดวัว ผู้ป่วยได้รับพยาธิได้ง่ายจากการบริโภคอาหารดิบหรือปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ จากเนื้อหมูและเนื้อวัว
พยาธิใบไม้ (Trematodes) ลำตัวมีลักษณะแบนไม่เป็นปล้อง เช่น พยาธิใบไม้ในเลือด พยาธิใบไม้ในตับ เกิดจากการบริโภคอาหารประเภทปลา และสัตว์น้ำจืดในลักษณะดิบหรือปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม หัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า คนไข้ที่มีพยาธิอยู่ในตัวส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์เมื่อมีอาการตัวซีด หรือปวดท้องอย่างรุนแรง เมื่อตรวจอุจจาระจึงพบว่ามีพยาธิ พยาธิแต่ละตัวแสดง ออกทางอาการต่างไป เช่นพยาธิไส้เดือนซึ่งเป็นพยาธิตัวใหญ่ ถ้ามีเยอะอุดตันลำไส้ ถ้ามีน้อย แค่แย่งอาหารเฉย ๆ ร่างกายอ่อนแอ ผอมแห้งแรงน้อย บางคนอาจมีอาการซีด
นอกจากนี้ยังมีพยาธิปากขอ สามารถแพร่กระจายไปทั่ว ตัวในคนที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ หรือคนกินยา เช่น สเตียรอยด์ พยาธิกระจายไปทั่วตัว ในปอดก็เป็นปัญหา สามารถนำเอาเชื้อแบคทีเรียจากลำไส้สู่ร่างกาย เกิดอาการไข้สูง ทำให้คนไข้ช็อกได้ นายแพทย์กำ บอกอีก ว่ายังมีพยาธิที่อันตรายอีก 2 ตัวคือ พยาธิตัวจี๊ด พยาธิหอยโข่ง พยาธิชนิดนี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในคน ได้มาจากการกินอาหาร ไม่สุก ไม่สะอาด กินอาหารพวก กบ ปลา อย่างพยาธิตัวจี๊ด เมื่อสุนัขหรือแมวไปกินปลาที่มีตัวจี๊ดจะไม่เป็นอันตราย แต่ยังอยู่ในกระเพาะของหมาแมวเป็นที่อยู่ปกติ แต่ถ้ามาอยู่ในร่างกายของคน จะไชไปที่ไขสันหลัง สมอง ทำให้มีเลือดออกในสมอง ขณะที่เข้าไปอวัยวะอื่นไม่อันตรายมาก เพราะสมองมีพื้นที่น้อย
แต่ถ้าอยู่ในกล้ามเนื้อ แสดงอาการออกมาแค่เนื้อตุ่ย ๆ ในรายที่มีปัญหามาก คือเข้าสู่สมอง ทำให้เกิดอาการชัก หรือ การปวดศีรษะเรื้อรัง คนอีสานมีวัฒนธรรมการบริโภคอาหารดิบ ๆ สุก ๆ มาช้านาน มีเมนูจานเด็ด ลาบ ก้อย ทั้งหลาย อาหารเหล่านี้นำพยาธิมาสู่ร่างกาย และที่ร้ายแรงยิ่งกว่า พยาธิตัวเล็ก ๆ หากฝังตัวใน ร่างกายเนิ่นนาน อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็ง รองศาสตราจารย์ ดร. บรรจบ ศรีภา อาจารย์ประจำภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ และศูนย์วิจัยพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี มหา วิทยาลัยขอนแก่น ระบุว่าโรคติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับและมะเร็ง ท่อน้ำดี ยังเป็นโรคที่เป็นปัญหาสำคัญของสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประชากร 9.6 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 6 ล้านคน ติดเชื้อนี้ จากหลักฐานทางระบาดวิทยาและการศึกษาในสัตว์ทดลอง มีข้อมูลที่สนับสนุนว่าการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งในภูมิภาคนี้ ที่สำคัญอุบัติการณ์มะเร็งตับและท่อน้ำดีในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในจังหวัดขอนแก่น มีสูงถึง 97.4 คน และ 39 คนต่อประชากร 1 แสนคน มีผู้ ชายมากกว่าผู้หญิงในวัยที่อายุ 35 ปีขึ้นไป
อย่างไรก็ตามในประเทศไทยโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี ยังเป็นโรคในกลุ่มที่ทำให้เกิด
ภาระโรค มากที่สุด 5 อันดับแรก รองลงมาจากโรคเอดส์ โรคจากอุบัติเหตุ และโรคหัวใจ ตัวเลขของผู้ป่วยมะเร็งตับท่อน้ำดีของประเทศไทย สูงที่สุดในโลกขณะนี้ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดศูนย์วิจัยพยาธิใบไม้ตับและมะเร็ง ท่อน้ำดี ม.ขอนแก่น พัฒนามาจากกลุ่มวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี คณะแพทยศาสตร์ ซึ่งเริ่มต้น ในปลาย พ.ศ. 2539 จากการรวมตัวของคณาจารย์ 4-5 คน ที่มีเจตจำนงที่จะร่วมกันศึกษาวิจัยปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ดร.บรรจบ บอกอีกว่า พยาธิใบไม้ตับที่นำไปสู่มะเร็ง เกิดจากพฤติกรรมบริโภคอาหารของคนภาคอีสานเอง ที่ยังไม่ค่อยเห็นความสำคัญ ประกอบกับภาครัฐขาดการรณรงค์เรื่องนี้ไปนานนับสิบปี คนอีสานนิยมรับประทานก้อยปลาโดยปรุงด้วยการใส่พริก เกลือ มดแดง ปลาเมื่อเจอเครื่องปรุงมีสีซีดชาวบ้านคิดว่าสุก แต่แท้จริงยังมีพยาธิแฝงอยู่ พยาธิใบไม้จะอยู่ในปลา น้ำจืดที่มีเกล็ด พยาธิช่วงนี้ยัง เป็นตัวอ่อน เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเดินทางเข้าสู่ตับ โดยผ่านทาง รูเปิดท่อน้ำดีนอกตับบริเวณลำไส้ส่วนต้นภายในเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง หลังการรับประทานอาหาร
นอกจากนี้ไข่พยาธิที่ปะปนมากับอุจจาระที่ไม่ถ่ายในส้วม เมื่อไหลลงสู่แหล่งน้ำจะ ถูกเก็บกินโดย หอยไซ ตัวอ่อนจะเจริญในหอยจนครบ 1 เดือน ก็จะแหวกว่ายไปเกาะบนผิว ปลามีเกล็ด เช่น ปลาตะเพียน ปลาขาวนา ปลาสูด เป็นต้น จนพัฒนาเป็นตัวอ่อนพยาธิ ระยะติดต่อ ในเนื้อปลา เมื่อ รับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เข้าไป จะพัฒนาเป็นตัวแก่ในท่อน้ำดีและออกไข่ เป็นวัฏจักร ซึ่งพยาธิใบไม้ตับจะมีอายุอยู่ได้นานหลายปี การติดเชื้อพยาธิใบไม้ ตับซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง จะทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงเป็นช่วง ๆ ตามหลังการติดเชื้อแต่ละครั้ง นำไปสู่การเกิดภาวะการทำลายสารพันธุกรรมของเซลล์ท่อน้ำดีสะสมมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าสารคัดหลั่งจากพยาธิเพียงอย่างเดียว ก็สามารถกระตุ้นให้เซลล์เยื่อบุท่อน้ำดีแบ่งตัวได้มากขึ้น ดังนั้นเซลล์ที่มีสารพันธุกรรมผิดปกติก็จะถูกกระตุ้นให้แบ่ง ตัวมากขึ้น และนำไปสู่การเกิดมะเร็งท่อน้ำดีในที่สุด โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะในประเทศไทยแต่เป็นปัญหาในระดับภูมิภาคเอเชีย ดังนั้นนักวิจัยในประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้ คือ จีน ลาว เวียดนาม กัมพูชา เกาหลี และ ไทย จึงรวมตัวกันเป็นเครือข่ายวิจัยโรคพยาธิใบไม้ตับภูมิภาค เอเชีย เพื่อหาแนวทางวินิจฉัย รักษา และป้องกัน ระหว่างวันที่ 16-19 ต.ค.นี้
มะเร็งตับและท่อน้ำดีในภาคอีสาน ณ เวลานี้ไต่สถิติไปที่ที่สูงที่สุดในโลก อันเป็นสถิติที่ไม่น่ายินดีแม้แต่น้อย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น